ฌ็อง-มารี กุสตาฟว์ เลอ เกลซีโย หรือเรียกสั้นว่า ฌี.แอม.เฌ. เลอ เกลซีโย (ฝรั่งเศส: Jean-Marie Gustave Le Cl?zio หรือ J. M. G. Le Cl?zio, ออกเสียง) (13 เมษายน ค.ศ. 1940 - ปัจจุบัน) ฌ็อง-มารี กุสตาฟว์ เลอ เกลซีโยเป็นนักเขียนนักเดินทางรอบโลกและศาสตราจารย์คนสำคัญชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี ค.ศ. 2008 นอกจากนั้น เลอ เกลซีโยผู้มีงานเขียนกว่าสี่สิบชิ้นก็ยังได้รับรางวัลเรอโนโด (Prix Renaudot) สำหรับนวนิยายเรื่อง “Le Proc?s-Verbal”
มารดาของเลอ เกลซีโยเกิดที่เมืองนิสในริเวียราฝรั่งเศส บิดาบนหมู่เกาะมอริเชียส (ซึ่งเป็นดินแดนของอังกฤษแต่บิดามีเชื้อชาติฝรั่งเศส) บรรพบุรุษของทั้งบิดาและมารดาเดิมมาจากจังหวัดมอร์บีอ็องทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของบริตานี บรรพบุรุษทางฝ่ายบิดา ฟร็องซัว อาเล็กซิส เลอ เกลซีโย หนีจากฝรั่งเศสพร้อมกับภรรยาและบุตรีในปี ค.ศ. 1798 ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่มอริเชียสที่ขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แต่ต่อมาตกไปเป็นของอังกฤษ แต่ชาวอาณานิคมฝรั่งเศสได้รับอนุญาตให้ยังคงรักษาขนบประเพณีและใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ แม้ว่าเลอ เกลซีโยจะไม่เคยไปพำนักอาศัยอยู่ที่มอริเชียสมากไปกว่าครั้งละสองสามเดือน แต่นอกจากเป็นชาวฝรั่งเศสแล้วเลอ เกลซีโยก็ยังดำรงรักษาความเป็นชาวมอริเชียสอยู่ ฉะนั้นเลอ เกลซีโยจึงเป็นบุคคลสองสัญชาติ--ชาวฝรั่งเศสและชาวมอริเชียส (มอริเชียสได้รับอิสรภาพในปี ค.ศ. 1968) และเรียกมอริเชียสว่าเป็น “ปิตุภูมิน้อย” (little fatherland)
เลอ เกลซีโยเองเกิดที่นิสซึ่งเป็นเมืองเกิดของมารดาระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อบิดาไปรับราชการอยู่กับกองทัพบริติชในไนจีเรีย เลอ เกลซีโยเติบโตขึ้นที่รอเกอบีลีแยร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่ไกลจากนิสจนกระทั่งปี ค.ศ. 1948 เมื่อมารดาและน้องชายย้ายไปสมทบกับบิดาในอาณานิคมไนจีเรีย นวนิยาย “Onitsha” ที่เขียนปี ค.ศ. 1991 เป็นนวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติ ในปี ค.ศ. 2004 บทความ “The African” บรรยายถึงชีวิตวัยเด็กในไนจีเรียและความสัมพันธ์กับบิดามารดา
หลังจากที่เข้าศึกษาจากมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1958 ถึงปี ค.ศ. 1959 เลอ เกลซีโยก็ไปได้รับปริญญาตรีที่นิสจากสถาบันวรรณกรรมศึกษา (Institut d’?tudes litt?raires) ในปี ปี ค.ศ. 1964 เลอ เกลซีโยได้รับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยพรอว็องส์ โดยเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับกวีและนักเขียนชาวเบลเยียม อองรี มีโช
หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนและบริสตอลอยู่หลายปี เลอ เกลซีโยก็ย้ายไปยังสหรัฐอเมริกาไปเป็นอาจารย์ ระหว่างปี ค.ศ. 1967 ก็ได้เข้ารับราชการในกองทหารฝรั่งเศสในประเทศไทย แต่ไม่นานก็ถูกย้ายไปยังเม็กซิโกเพราะไปทำการประท้วงต่อต้านการค้าประเวณีเด็ก ระหว่างปี ค.ศ. 1970 ถึงปี ค.ศ. 1974 เลอ เกลซีโยไปใช้ชีวิตอยู่กับชนเผ่า Embera-Wounaan ในปานามา เลอ เกลซีโยสมรสกับเฌเมีย ชาวโมร็อกโก ในปี ค.ศ. 1975 และมีลูกสาวด้วยกันสองคน (เลอ เกลซีโยมีลูกสาวอีกคนหนึ่งจากการสมรสครั้งแรก) ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 เลอ เกลซีโยก็แบ่งเวลาระหว่างอัลเบอเคอร์คี (นิวเม็กซิโก), มอริเชียส และ นิส
ในปี ค.ศ. 1983 เลอ เกลซีโยเขียนดุษฎีนิพนธ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเป็นอาณานิคมของเม็กซิโกแก่ มหาวิทยาลัยแปร์ปีญ็องในหัวเรื่องการพิชิตชาวพูเรเปชา (ที่เดิมเรียกว่า “ทาราสคัน” (“Tarascans”)) ผู้ที่ในปัจจุบันตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณรัฐมิโชอากัง (Michoac?n) ดุษฎีนิพนธ์ได้รับการนำไปพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารฝรั่งเศส และได้รับการแปลเป็นภาษาสเปนในปี ค.ศ. 1985
เลอ เกลซีโยเป็นอาจารย์สอนตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก และมักจะเดินทางไปเยือนประเทศเกาหลีใต้ เลอ เกลซีโยสอนภาษาฝรั่งเศสและวรรณคดีที่ Ewha Womans University ในโซล ระหว่างปีการศึกษา 2007
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/ฌอง-มารี_กุสตาฟ_เลอ_เคลซีโอ